----------------------------------------------------------------------------
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดบุรีรัมย์
ปราสาทหินเมืองต่ำ
ตั้งอยู่ที่ตำบลจระเข้มาก
เป็นปราสาทขอมที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่นน่าชมอีกแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์
ประวัติความเป็นมาของปราสาทหินเมืองต่ำยังไม่ทราบชัดเพราะไม่พบหลักฐานที่แน่นอนว่าสร้างขึ้นเมื่อใด
หรือใครเป็นผู้สร้าง มีลักษณะของศิลปะขอมแบบบาปวน ซึ่งมีอายุอยู่ในราว
พ.ศ.
๑๕๕๐-๑๖๒๕
โดยมีลักษณะของศิลปะขอมแบบคลังซึ่งมีอายุราว พ.ศ.
๑๕๐๘-๑๕๕๕ ปะปนอยู่ด้วย
ภาพสลักส่วนใหญ่เป็นภาพเทพในศาสนาฮินดู จึงอาจกล่าวได้ว่า
ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๗
เพื่อใช้เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู
ตัวปราสาท ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างหลัก คือ
ปรางค์อิฐ ๕ องค์ สร้างอยู่บนฐานเดียวกัน ก่อด้วยศิลาแลง
องค์ปรางค์ทั้ง ๕ ตั้งเรียงกันเป็น ๒ แถว แถวหน้า ๓ องค์ แถวหลัง ๒
องค์ ปรางค์ประธานซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งอยู่ตรงกลางแถวหน้า
ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียงส่วนฐาน ส่วนองค์อื่น ๆ
ที่เหลืออยู่ก็มีสภาพที่ไม่สมบูรณ์
ปรางค์ทุกองค์มีประตูเข้าสู่ภายในปรางค์ได้ด้านเดียว คือ
ด้านทิศตะวันออก ด้านอื่นทำเป็นประตูหลอก
แต่ปรางค์ประธานมีมุขหน้าอีกชั้นหนึ่ง
การขุดแต่งบริเวณปรางค์ประธานได้พบทับหลังประตูมุขปรางค์
สลักเป็นภาพเทพถือดอกบัวขาบประทับนั่งเหนือหน้ากาล
แวดล้อมด้วยสตรีเป็นบริวาร หน้าบันสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ
ส่วนทับหลังประตูปรางค์สลักเป็นเทพนั่งชันเข่าเหนือหน้ากาล
และยังได้พบชิ้นส่วนลวดลายปูนปั้นประดับฐานอีกด้วย
แสดงว่าปรางค์เหล่านี้ได้เคยมีปูนฉาบและปั้นปูนเป็นลวดลายประดับตกแต่งอย่างงดงาม
สำหรับปรางค์บริวารอีก ๔
องค์นั้นยังคงมีทับหลังติดอยู่เหนือประตูทางเข้า ๒ องค์ คือ
องค์ที่อยู่ทางทิศเหนือของแถวหน้า และองค์ทิศใต้ของแถวหลัง
สลักภาพพระศิวะอุ้มนางอุมาบนพระเพลา ประทับนั่งอยู่บนหลัง
อนุสาวรีย์เราสู้
ตั้งอยู่ริมทางสายละหานทราย-ตาพระยา (ทางหลวงหมายเลข ๓๔๘)
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของประชาชน ตำรวจ ทหาร
ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้ผู้ก่อการร้ายที่ขัดขวางการสร้างเส้นทางยุทธศาสตร์สายนี้
ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้
ตั้งอยู่ภายในสถาบันราชภัฏบุรีรัมย์
ถนนจิระ เป็นสถานที่รวบรวมจัดแสดงโบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุอันมีค่าทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีและวัฒนธรรมท้องถิ่น
เพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจและเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัย
นิทรรศการที่จัดแสดงมีหลากหลายหัวข้อ อาทิ นิทรรศการเกี่ยวกับช้าง
ชาวส่วย ผ้าพื้นเมือง จิตรกรรมฝาผนัง เครื่องถ้วยและเตาเผาโบราณ
วิถีชีวิตชาวอีสาน สภาพภูมิศาสตร์ ชุมชนโบราณของบุรีรัมย์
เปิดทุกวันยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๘.๓๐–๑๖.๐๐ น.
วันเสาร์-อาทิตย์เปิดถึงเวลา ๑๖.๐๐ น. สอบถามรายละเอียด โทร. ๐ ๔๔๖๑
๑๒๒๑, ๐ ๔๔๖๑ ๗๕๘๘ ต่อ ๑๕๙
วนอุทยานเขากระโดง
เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟโบราณซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นได้ชัดเจน
ปากปล่องภูเขาไฟมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำลึก มีน้ำขังตลอดปี ยอดสูงสุดประมาณ
๒๖๕ เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นที่ประดิษฐาน
“พระสุภัทรบพิตร”
พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์และมีปรางค์กู่โบราณ
ภายในประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง
วนอุทยานนี้มีพันธุ์ไม้พื้นเมืองน่าศึกษาหลายชนิด
การขึ้นไปยังเขากระโดงสามารถทำได้สองวิธี คือ เดินขึ้นบันได หรือ
ขับรถขึ้นไปถึงยอดเขา ระหว่างทางจะพบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ
เรียงรายอยู่เป็นระยะ
อ่างเก็บน้ำห้วยตลาดและสวนนกบุรีรัมย์
ตั้งอยู่ตำบลสะแกซำ
กำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเมื่อปี ๒๕๓๕
จากการสำรวจพบว่าในแต่ละปีมีนกชนิดต่าง ๆ มาอาศัยอยู่โดยรอบจำนวนกว่า
๑๐๐ ชนิด
โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เมษายนจะมีฝูงนกมาอาศัยอยู่มากเป็นพิเศษ
บางชนิดใกล้สูญพันธุ์และหาดูได้ยาก เช่น นกเป็ดหงส์ นกเป็ดก่า
และนกกาบบัว ในบริเวณบ้านของคุณสวัสดิ์ คชเสนีย์ ได้จัดทำเป็นสวนนก
และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เหมาะสำหรับเที่ยวชมฝูงนกในยามเย็น
ทุกวันเวลาประมาณ ๑๗.๐๐-๑๘.๐๐ น.
จะมีฝูงนกยางสีขาวนับหมื่นตัวบินกลับรังเป็นภาพที่น่าชมมาก
มีบริการรถชมรอบบริเวณ
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ตั้งอยู่บ้านตาเป็ก ตำบลตาเป็ก
ประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญคือ ปราสาทหินพนมรุ้ง
ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว สูงประมาณ ๒๐๐ เมตร (คำว่า
“พนมรุ้ง”
หรือ “วนํรุง”
เป็นภาษาเขมรแปลว่า “ภูเขาใหญ่”)
ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย
มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่
๑๕ ถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๗ และในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาในช่วงนั้น
วัดเขาอังคาร
ตั้งอยู่บนเขาอังคารซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว
อยู่ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้งไปอีกประมาณ ๒๐ กิโลเมตร
จากบุรีรัมย์ใช้เส้นทางสายบุรีรัมย์-นางรอง-บ้านตะโก-บ้านตาเป็ก
(ทางเดียวกับไปปราสาทหินพนมรุ้ง) เมื่อเดินทางถึงบ้านตาเป็ก
เลี้ยวขวาตามทางไปอำเภอละหานทรายประมาณ ๑๓ กิโลเมตร
จะพบทางแยกขวาไปวัดเขาอังคารอีก
๗ กิโลเมตร
ภายในบริเวณวัดเคยมีการค้นพบโบราณสถานเก่าแก่และใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีหลายชิ้น
ปัจจุบันเป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์
มีการก่อสร้างโบสถ์ ศาลาและอาคารต่าง ๆ เลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่าง ๆ
หลายรูปแบบ
ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษด้วย
พระเจ้าใหญ่วัดหงษ์
เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ปางสมาธิขนาดหน้าตัก ๑.๖
เมตร สูง ๒ เมตร สร้างด้วยศิลาแลง มีลักษณะของศิลปะพื้นเมือง
ประดิษฐานอยู่ที่วัดหงษ์ หรือวัดศีรษะแรด
เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนจำนวนมากที่เรียกว่า
“พระเจ้าใหญ่” ในภาษาไทยอีสาน มิใช่เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่
แต่หมายถึงความยิ่งใหญ่ ความศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะการสาบานและอธิษฐาน
เล่ากันว่า ผู้ที่ผิดคำสาบานมักได้รับภัยพิบัติต่าง ๆ
จึงมีผู้ไปสาบานงดเว้นอบายมุขเลิกดื่มสุราและสักการะกราบไว้ขอให้คุ้มครองรักษาอยู่มิได้ขาด
นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์รูปใบขนุน “รวมปาง”
สำริด
และพระพุทธรูปแกะสลักจากนอแรดที่ใต้ฐานพระเจ้าใหญ่ด้วย ในวันขึ้น ๑๔
ค่ำ หรือวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ ของทุกปี
จะจัดงานเฉลิมฉลองขึ้นโดยมีชาวอำเภอพุทไธสง และจังหวัดต่าง ๆ
ไปนมัสการกราบไหว้เป็นจำนวนมาก