----------------------------------------------------------------------
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัด นครราชสีมา
แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท
ตั้งอยู่หมู่ที่ 7
บ้านปราสาทใต้ ตำบลธารปราสาท จากตัวเมืองใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น
ถึงกิโลเมตรที่ 44 มีทางแยกซ้ายเข้าไปอีก
1 กิโลเมตร
หากเดินทางโดยรถประจำทางจากกรุงเทพฯหรือนครราชสีมา ให้นั่งรถสายที่จะไป
ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย หรือ กาฬสินธุ์ ลงรถที่กม.44
แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างจากปากทางเข้าหมู่บ้าน
บ้านปราสาทนับเป็นแหล่งโบราณคดีแห่งที่สองต่อจากบ้านเชียง
ที่ได้จัดทำในลักษณะพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง จากหลักฐานที่ค้นพบสันนิษฐานว่า
มีชุมชนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์
มีหลักฐานของกลุ่มวัฒนธรรมแบบทวารวดีและแบบเขมรโบราณ ช่วงระหว่าง
1,500-3,000 ปีมาแล้ว
หลุมขุดค้น
เขื่อนลำพระเพลิง
อยู่ในเขตอำเภอปักธงชัย ใช้เส้นทางสาย 314
ผ่านทางเข้าอำเภอปักธงชัยไปประมาณ 4
กิโลเมตร จะพบสี่แยกเลี้ยวขวามือเข้าไปเป็นระยะทาง
28 กิโลเมตร
เป็นเขื่อนในความดูแลของกรมชลประทาน ชาวบ้านนิยมมาพักผ่อน
รับประทานอาหาร ตกปลาและชมทิวทัศน์ริมอ่างเก็บน้ำ
มีบริการบ้านพักรับรองหลายหลัง
ติดต่อโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง โทร. 0 4437 3184
ต่อ 114
นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือหางยาวไปชมบรรยากาศภายในอ่างเก็บน้ำ
เที่ยวน้ำตกคลองกี่หรือน้ำตกขุนโจนได้ โดยใช้เวลาไป-กลับประมาณ
3-4 ชั่วโมง ติดต่อได้ที่สโมสรเขื่อนลำพระเพลิง
โทร. 0 4437 3184 ต่อ 117
หมู่บ้านทำเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
อยู่ห่างจากตัวเมือง
15
กิโลเมตร
ตามทางหลวงสาย
224 (นครราชสีมา-โชคชัย)
ในสมัยโบราณตำบลนี้เป็นที่พักกองเกวียนที่ค้าขายระหว่างโคราช-เขมร
มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน ชาวบ้านใช้ดินริมฝั่งแม่น้ำมาปั้นภาชนะใช้สอย
และได้ทำสืบต่อกันมานับเป็นเวลาหลายชั่วอายุคน
ปัจจุบันด่านเกวียนมีชื่อเสียงมากในฐานะที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาได้สวยงาม
มีรูปแบบที่แปลกและหลากหลาย
แต่ยังคงลักษณะดั้งเดิมของกรรมวิธีในการปั้นและใช้ดินดำสัมฤทธิ์ที่มีเอกลักษณ์ของสีแบบดินเผาด่านเกวียนโดยเฉพาะ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
มหาวีรวงศ์
ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสุทธจินดา ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด
จัดแสดงศิลปวัตถุทั้งที่สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดารวบรวมไว้
โบราณวัตถุที่กรมศิลปากรได้สำรวจขุดพบในเขตจังหวัดนครราชสีมา
ตลอดจนจังหวัดใกล้เคียงและที่มีผู้บริจาค ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูป
มีทั้งพระศิลาสมัยขอม พระพุทธรูปสมัยอยุธยา พระพุทธรูปสัมฤทธิ์
เครื่องเคลือบดินเผา เครื่องใช้สมัยโบราณ ภาพไม้แกะสลัก
เปิดให้เข้าชมระหว่างเวลา
09.00-16.00
น. ในวันพุธถึงวันอาทิตย์
ปิดวันจันทร์ วันอังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย
5 บาท ชาวต่างประเทศ 10
บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0 4424 2958
หรือ
www.thailandmuseum.com
ปราสาทพนมวัน
ตั้งอยู่ที่บ้านมะค่า ตำบลโพธิ์
จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น)
ประมาณ 15 กิโลเมตร
จะมีป้ายบอกทางด้านขวามือ แยกเข้าไปอีกประมาณ 5
กิโลเมตร เป็นปราสาทขอมที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง
สันนิษฐานว่าเดิมก่อสร้างด้วยอิฐในราวพุทธศตวรรษที่ 15
ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 18–19
จึงได้สร้างอาคารหินซ้อนทับลงไป จากจารึกที่ค้นพบ
เรียกปราสาทแห่งนี้ว่า “เทวาศรม”
เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู
ต่อมาจึงได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นพุทธสถาน ปัจจุบันแม้จะหักพังไปมาก
แต่ยังคงเห็นซากโบราณสถานหลงเหลือเป็นเค้าโครงค่อนข้างชัดเจนเช่น
ปรางค์จตุรมุของค์ประธานหลักซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกโดยมีมณฑปอยู่เบื้องหน้าและมีฉนวน
(ทางเดิน)
เชื่อมต่อระหว่างอาคารทั้งสอง
ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปรางค์มีอาคารก่อด้วยหินทรายสีแดงเรียกว่า
“ปรางค์น้อย”
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินขนาดใหญ่ บริเวณโดยรอบปราสาทมีระเบียงคตสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลงล้อมเป็นกำแพงอยู่
มีโคปุระ (ประตูทางเข้าเทวสถาน)
ก่อสร้างเป็นรูปหอสูงทั้งสี่ทิศ
บริเวณรอบนอกปราสาททางด้านทิศตะวันออกห่างจากโบราณสถานเกือบ 300
เมตร มีร่องรอยของคูน้ำและเนินดินเรียกว่า “เนินอรพิม”
นอกจากนี้ยังพบศิลาแลงจัดเรียงเป็นแนวคล้ายซากฐานอาคารบนเนินแห่งนี้ด้วย
สวนสัตว์นครราชสีมา
อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ตามทางหลวงหมายเลข
304(นครราชสีมา-ปักธงชัย)
ระยะทาง 18 กิโลเมตร
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (ทางหลวงหมายเลข
2310) อีกประมาณ 1
กิโลเมตร หากเดินทางรถโดยสารจากตัวเมืองสามารถใช้บริการรถปรับอากาศสาย
1415 (สุรนารี-สวนสัตว์)
สวนสัตว์นครราชสีมามีพื้นที่กว้างขวางถึง
545
ไร่
เป็นสวนสัตว์แบบซาฟารีกึ่งเปิดและปิดที่ทันสมัยได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย
คอกสัตว์กว้างขวาง จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับนิสัยสัตว์แต่ละชนิด
ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าแอฟริกา ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกเพนกวิน แมวน้ำ ช้างแอฟริกา
แรด เสือชีต้าห์ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น
และยังมีอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสวนนกเงือก จึงเหมาะแก่การทัศนศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์และพักผ่อนหย่อนใจ
ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม มีบริการรถพ่วงวิ่งรอบบริเวณ
รวมทั้งจักรยานให้เช่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีไนท์ซาฟารี
ซึ่งเป็นแห่งเดียวในภาคอีสานและเป็นทางเลือกใหม่ของนักท่องเที่ยวที่จะได้สัมผัสบรรยากาศที่เย็นสบายและยังได้พบกับสัตว์ป่านานาชาติ
เช่น งูหลามทอง เสือโคร่ง ช้างป่าแอฟริกา แรดขาว กระทิงเขาทุย นกฟลามิงโก
ตลอดเส้นทางจะได้พบกับความเพลิดเพลินและความรู้ในด้านพฤติกรรมของสัตว์ป่าที่หาชมได้ยากเป็นระยะทางกว่า
5 กิโลเมตร
สวนสัตว์นครราชสีมา เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา
08.00-18.00
น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย
ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 10
บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก
50 บาทและไนท์ซาฟารี เปิดบริการวันละ 3
รอบ ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 4435 7355 หรือ
website:
www.zoothailand.org หรือ
www.koratzoo.or.th
วัดศาลาลอย
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง
โดยแยกจากถนนรอบเมืองไปประมาณ 500 เมตร
วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับลำตะคองซึ่งไหลพาดผ่านตอนเหนือของตัวเมืองไปลงสู่แม่น้ำมูล
ท้าวสุรนารีกับท่านปลัดสามีสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.
2370
จุดเด่นของวัดอยู่ที่พระอุโบสถซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา
จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป
ในปี พ.ศ.
2516 เป็นอุโบสถที่สร้างแบบศิลปไทยประยุกต์
เป็นรูปสำเภาโต้คลื่น
ใช้วัสดุพื้นเมืองคือกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนนำมาประดับตกแต่ง เช่น
ผนังด้านหน้าอุโบสถเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ
ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์
ส่วนบานประตูเป็นโลหะลายนูน ภาพเล่าเรื่องเวชสันดรชาดก (13
กัณฑ์)
ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ
ประตูเมืองสังกัสนคร หน้าประตูอุโบสถมีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ
ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม
ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี
ปราสาทนางรำ
ตั้งอยู่ที่บ้านนางรำ ตำบลนางรำ ไปตามทางหลวงหมายเลข
2 (นครราชสีมา-ขอนแก่น)
ประมาณ 62 กิโลเมตร
จนถึงแยกบ้านวัด เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 207
ไปประมาณ 22
กิโลเมตรถึงบ้านหญ้าคา (หรือก่อนถึงตัวอำเภอประทาย
11 กิโลเมตร)
จากนั้นเลี้ยวซ้ายทางเข้าวัดปราสาทนางรำอีก 4
กิโลเมตร ชื่อ ปราสาทนางรำ มาจากว่า เดิมเคยมีรูปนางรำ
เป็นหินสีเขียวทำแบบเทวรูป อยู่ทางทิศตะวันตกของวิหารห่างไป 1.5
กิโลเมตร ปัจจุบันเหลือแต่ร่องรอยของเทวสถานและแท่นหิน
ปราสาทนางรำเป็นโบราณสถานสมัยขอมที่เรียกว่าเป็น อโรคยาศาล (โรงพยาบาล)
สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18
ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ประกอบด้วยกลุ่มโบราณสถาน 2
กลุ่มตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน
กลุ่มปรางค์ที่สมบูรณ์กว่าหลังอื่นประกอบด้วยปรางค์องค์กลาง
มีมุขยื่นออกไปข้างหน้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของปราสาทมีวิหารก่อด้วยศิลาแลงหันหน้าไปทางทิศตะวันตก
มีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบ
ส่วนซุ้มโคปุระหรือประตูทางเข้าอยู่ทางด้านทิศตะวันออก
มีแผนผังเป็นรูปกากบาท
นอกกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กก่อด้วยศิลาแลง
ถัดจากปราสาทนางรำไปทางทิศใต้ มีปราสาทอีก 3
หลังเรียงกันในแนวเหนือ-ใต้
ซึ่งเหลือเพียงฐานและมีกรอบประตูและทับหลังหินทรายตั้งแสดงอยู่
มีกำแพงศิลาแลงและคูน้ำรูปเกือกม้าล้อมรอบ
หน้าที่
:
1
|
2
|