-----------------------------------------------------------------------
สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดหนองคาย
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ
ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า
เป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อเมื่อปี ร.ศ.
๑๐๕ (พ.ศ.
๒๔๒๙)
เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมซึ่งเป็นแม่ทัพปราบกบฏฮ่อในครั้งนั้นรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนความดีของผู้ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง
ที่อนุสาวรีย์ทั้ง ๔ ทิศ มีคำจารึกภาษาไทย จีน ลาว และอังกฤษ
มีการจัดงานบวงสรวงและฉลองอนุสาวรีย์ในวันที่ ๕ มีนาคม ของทุกปี
ศาลาแก้วกู่
หรือที่รู้จักกันในนามวัดแขก ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคาย ๓
กิโลเมตร ตามเส้นทางไปโพนพิสัย อยู่ด้านขวามือ
ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพุทธมามกะสมาคมจังหวัดหนองคาย
สถานที่ซึ่งคล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแสดงรูปปั้นทางศาสนาแห่งนี้
เกิดจากแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์
ซึ่งได้สร้างสถานที่แห่งนี้เมื่อราวปี พ.ศ.
๒๕๒๑ ตามความเชื่อว่าหลักคำสอนทุกศาสนา
สามารถนำมาผสมผสานได้ มีทั้งพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รูปเทพฮินดูต่าง ๆ
รูปปั้นเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์และตำนานพื้นบ้าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน
ระหว่างเวลา ๐๗.๐๐–๑๗.๐๐
น. ค่าเข้าชมคนละ ๑๐ บาท
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงจากอำเภอเมืองหนองคายไปเมืองท่าเดื่อ ของสปป.ลาวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวียงจันทน์
ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ ๓ ประเทศ คือ
ออสเตรเลีย ลาว และไทย นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว
ให้กระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการเดินทางจากหนองคายไปเวียงจันทน์จำเป็นต้องใช้สะพานแห่งนี้
ตัวสะพานมีความยาว ๑,๑๗๔ เมตร กว้าง ๑๒.๗ เมตร มีช่องสำหรับเดินรถ ๒
ช่องทาง ซึ่งตรงช่วงกลางสะพานออกแบบไว้สำหรับสร้างทางรถไฟ
เชิงสะพานมีด่านตรวจคนเข้าเมืองและศูนย์ให้บริการข่าวสารท่องเที่ยวของ
ททท.
ตั้งอยู่
พระธาตุบังพวน
ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู ตำบลพระธาตุบังพวน
พระธาตุบังพวนเป็นเจดีย์เก่าแก่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านาน
ตัวองค์พระธาตุเดิมสร้างด้วยอิฐเผา ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น
เป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์
ต่อมาได้พังทลายลงเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.
๒๕๑๓ เนื่องจากฐานทรุด
เจดีย์องค์ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร
เป็นรูปปรางค์สี่เหลี่ยมต่อกันเป็นบัวปากระฆัง มีฐานทักษิณ ๕ ชั้น
กว้าง ๑๗.๒๐ เมตร
ชั้นที่ ๖ เป็นรูประฆังคว่ำ ชั้นที่ ๗ เป็นรูปดาวปลี
เหนือขึ้นไปเป็นที่ตั้งฉัตร สูงจากพื้นดิน ๓๔.๒๕
เมตร ชาวหนองคายจัดงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น ๑๑ ค่ำเดือนยี่ของทุกปี
ภายในบริเวณวัดมีโบราณสถานอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ได้แก่
สัตตมหาสถาน หรือ สถานที่สำคัญ ๗
แห่งในพุทธประวัติหลังจากที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้วและได้เสด็จประทับเสวยวิมุติสุขแห่งละ
๗ วัน และสระปัพพฬนาค
หรือสระพญานาค ซึ่งในสมัยโบราณเมื่อมีการแต่งตั้งเจ้าเมือง
ก็จะนำน้ำจากสระนี้ไปสรงเพื่อเป็นสิริมงคล
วัดหินหมากเป้ง
ตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ
ตำบลพระพุทธบาท บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ สะอาด
เรียบร้อยและเงียบสงบ พื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขงซึ่งมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม แต่เดิมเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน
ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของภิกษุสงฆ์ แม่ชี
และผู้แสวงบุญทั้งหลาย หลังจากท่านมรณภาพ มีการก่อสร้างเจดีย์
เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน ภายในมีรูปปั้นของหลวงปู่เทสก์
พร้อมจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่านอีกด้วย
น้ำตกธารทอง
อยู่ในเขตบ้านผาตั้ง หมู่ที่ ๑ ตำบลผาตั้ง
น้ำตกธารทองมีลักษณะเป็นธารน้ำไหลไปตามลานหิน มีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำได้
ก่อนจะลดระดับเกิดเป็นชั้นน้ำตกเล็ก ๆ เป็นระยะลดหลั่นกันไปประมาณ ๓๐
เมตรและไหลลงสู่ลำน้ำโขงในที่สุด
ช่วงเวลาที่มีน้ำมากเหมาะแก่การมาเที่ยวชม คือระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม
บริเวณโดยรอบเป็นสวนรุกขชาติมีป่าไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น
การเดินทาง
ใช้เส้นทางหนองคาย-ศรีเชียงใหม่-สังคม
(ทางหลวงหมายเลข ๒๑๑)
ผ่านบ้านไทยเจริญ แล้วต่อไปบ้านผาตั้ง (ทางหลวงหมายเลข ๒๑๘๖)
บริเวณหลักกิโลเมตรที่ ๗๔ ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ ๑๑ กิโลเมตร
น้ำตกธารทองจะอยู่ริมทางด้านขวามือ
ส่วนด้านซ้ายมือของถนนเป็นบริเวณลานจอดรถ
น้ำตกธารทิพย์
เป็นน้ำตกที่สูงและสวยงามท่ามกลางป่าเขียวขจี แบ่งออกเป็น ๓ ชั้น
ด้านล่างเป็นน้ำตกชั้นแรกสูงประมาณ ๓๐ เมตร
ไหลจากหน้าผาเป็นสายยาวสีขาวสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ชั้นที่ ๒ สูงประมาณ
๑๐๐ เมตร ต้องปีนขึ้นไปตามเส้นทางที่ทำไว้ และชั้นที่ ๓ สูงประมาณ ๗๐
เมตร มีน้ำไหลอยู่ตลอดปี และจะมีน้ำมากในฤดูฝน
ภูทอก
ภูทอกในภาษาอีสานแปลว่า
ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง
เป็นภูเขาหินทรายโดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่
และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ
มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร
เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม เนื่องจากเป็นสถานที่เงียบสงบ
ภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก
โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้เวียนวนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด
สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากเหล่าพระ เณร และชาวบ้าน
เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.
๒๕๑๒ ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง ๕ ปี
บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรมที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะสู่โลกแห่งโลกุตระหรือโลกแห่งการหลุดพ้นด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น
ภูทอกยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน
ดังนั้นผู้ที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ควรอยู่ในความสงบและเคารพสถานที่
บันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น ๗ ชั้น แตกต่างกัน
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว
ตั้งอยู่บ้านดอนจิก เลยอำเภอบุ่งคล้า ๓
กิโลเมตรและเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ ๖ กิโลเมตร เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามีเนื้อที่ประมาณ
๑๘๖ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑๑๖,๕๖๒
ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา
และอำเภอบึงโขงหลง เกือบติดพรมแดนประเทศลาว
มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ ๑๕๐-๓๐๐
เมตร สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น
บางส่วนเป็นสันเขาหินทราย ลานหินและทุ่งหญ้า